quitting-procrastination-easier-said-than-done

เลิกขี้เกียจดิ! คำพูดง่ายๆแต่ทำโคตรยาก

Published on: June 22, 2025 by Anonymous

พูดง่ายเนอะ "เฮ้ย! เลิกขี้เกียจดิ!" แต่พอเอาเข้าจริงเนี่ย โคตรยากเลยใช่ไหมครับ? เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่มองไม่เห็น คอยตรึงเราไว้กับเตียง โซฟา หรือหน้าจอโทรศัพท์ตลอดเวลา

หลายคนอาจจะรู้สึกผิดกับตัวเองที่ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ จนงานกองเป็นภูเขาเลากา หรือเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ก็ยังไปไม่ถึงไหน ไม่ต้องห่วงครับ คุณไม่ได้เป็นคนเดียว! นี่คือเรื่องปกติของมนุษย์เราเลย


ทำไมเราถึงขี้เกียจ?

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมเราถึงขี้เกียจกันนัก? มันไม่ใช่แค่เรา "ไม่อยากทำ" นะครับ แต่มันมีเบื้องหลังทางจิตวิทยาอยู่ด้วย:

. สมองต้องการประหยัดพลังงาน: สมองเราถูกออกแบบมาให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดครับ ถ้างานไหนดูยุ่งยาก ใช้ความคิดเยอะ หรือต้องใช้แรงกายมากๆ สมองก็จะหาทางเลี่ยงโดยการบอกให้เรา "พักก่อน" . กลัวความล้มเหลว: บางทีเราก็ขี้เกียจเพราะกลัวว่าถ้าทำแล้วจะทำได้ไม่ดี หรือจะล้มเหลว การไม่เริ่มทำอะไรเลยจึงเป็นวิธีที่ทำให้เราไม่ต้องเผชิญหน้ากับความกลัวนั้น . ขาดแรงจูงใจ: ถ้าเราไม่เห็นประโยชน์ หรือไม่รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่จะทำ ก็ยากที่เราจะลุกขึ้นมาลงมือทำครับ


เทคนิคทางจิตวิทยาพิชิตความขี้เกียจ

ทีนี้มาดูกันว่าเราจะเอาชนะความขี้เกียจได้ยังไงบ้าง ด้วยเทคนิคทางจิตวิทยาที่พิสูจน์แล้วว่าเวิร์ก!

. เทคนิค 5 วินาที (The 5-Second Rule): 🟢 ถ้าคุณมีความคิดที่จะทำอะไรบางอย่าง ให้เริ่มนับถอยหลัง 5-4-3-2-1 แล้วลุกขึ้นมาลงมือทำทันที! ก่อนที่สมองจะทันได้หาข้ออ้างมาขัดขวาง เทคนิคนี้คิดค้นโดย Mel Robbins เป็นการบังคับตัวเองให้ตัดวงจรความคิดที่นำไปสู่ความขี้เกียจ

. แบ่งงานเป็นชิ้นเล็กๆ (Chunking): 🟢 งานใหญ่ๆ มักจะดูน่ากลัวและทำให้เรารู้สึกท้อ ลองแบ่งงานชิ้นใหญ่ให้เป็นชิ้นเล็กๆ ที่ทำได้ง่ายขึ้น เช่น แทนที่จะบอกว่า "จะเขียนรายงาน" ให้เปลี่ยนเป็น "จะหาข้อมูล 10 นาที" "จะร่างหัวข้อ 5 นาที" การเห็นงานเล็กลงจะทำให้เรารู้สึกว่าทำได้จริง และมีกำลังใจมากขึ้น

. ตั้งเป้าหมายแบบ SMART: 🟢 เป้าหมายที่ดีควรจะ Specific (เจาะจง), Measurable (วัดผลได้), Achievable (ทำได้จริง), Relevant (เกี่ยวข้อง), และ Time-bound (มีกรอบเวลา) การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีทิศทางและแรงจูงใจในการลงมือทำ

. ให้รางวัลตัวเอง (Self-Reward): 🟢 เมื่อทำอะไรสำเร็จตามเป้าหมายเล็กๆ ที่ตั้งไว้ ให้รางวัลตัวเองเล็กๆ น้อยๆ เช่น ดูหนังที่ชอบ พักเล่นเกมสัก 15 นาที หรือทานของอร่อยๆ การให้รางวัลจะช่วยให้สมองหลั่งสารโดพามีน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขและแรงจูงใจ ทำให้เราอยากทำสิ่งนั้นซ้ำอีก

. หาเพื่อนร่วมทีม (Accountability Partner): 🟢 การมีใครสักคนที่เราต้องรายงานความคืบหน้าให้ฟัง จะช่วยเพิ่มความรับผิดชอบได้ดีเลยครับ ลองชวนเพื่อน ครอบครัว หรือคนใกล้ชิดมาช่วยเป็นกำลังใจและคอยกระตุ้นเรา

. กำจัดสิ่งรบกวน (Eliminate Distractions): 🟢 ปิดการแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย เก็บโทรศัพท์ให้ห่างตัว หรือหาสถานที่ที่เงียบสงบในการทำงาน การลดสิ่งรบกวนจะช่วยให้เราโฟกัสกับงานได้เต็มที่


จำไว้นะครับว่าการเลิกขี้เกียจมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มันคือการต่อสู้กับตัวเองเล็กๆ ในแต่ละวัน และทุกครั้งที่คุณเอาชนะความขี้เกียจได้ นั่นคือชัยชนะเล็กๆ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตคุณ

ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะครับ แล้วคุณจะเห็นว่าการเริ่มลงมือทำมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย

แล้วคุณล่ะครับ มีเทคนิคอะไรที่ใช้เอาชนะความขี้เกียจได้บ้าง? มาแชร์กันในคอมเมนต์เลยนะครับ! 👇

#เลิกขี้เกียจ #พัฒนาตัวเอง #จิตวิทยา #เปลี่ยนแปลงตัวเอง #khain #selfness

← Back to Blog Home